บ้านคือเซฟโซนของเราทุกคนเป็นพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตพักผ่อนและเติมพลัง การที่บ้านจะน่าอยู่หรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดหรือความหรูหราเพียงอย่างเดียวแต่รวมไปถึง”ของใช้”ต่างๆที่เราเลือกสรรเข้ามาในบ้านด้วยของใช้ที่ดีและเหมาะสมจะช่วยให้บ้านของคุณน่าอยู่ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อถือ วันนีี้เรามีเคล็ดลับดีๆในการเลือกของใช้ให้บ้านน่าอยู่มากฝากกัน
1.เข้าใจสไตล์การใช้ชีวิตของตัวเอง
ก่อนจะพุ่งตัวไปเลือกซื้อของใช้ชิ้นใดชิ้นหนึ่งลองหยุดคิดสักนิดว่าไลฟ์สไล์ของคุณเป็นอย่างไรคุณชอบความเรียบง่ายมินิมอลหรือชอบความหรูหรามีชีวิตชีวา คุณมีสัตว์เลี้ยงหรือไม่หรือมีเด็กเล็กในบ้านหรือไม่ การเข้าใจสไตล์การใช้ชีวิตของตัวเองจะช่วยให้คุณเลือกของใช้ที่ตอบโจทย์และใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่สวยงามแต่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน
ตัวอย่าง:หากคุณเป็นคนรักการทำอาหาร ของใช้ในครัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันหลากหลายหรืออุปกรณ์ครัวที่ทนทานและทำความสะอาดง่ายจะเป็นสิ่งจำเป็นแต่ถ้าคุณไม่ค่อยได้ทำอาหารการลงทุนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็อาจจะไม่คุ้มค่า
2.เลือกของใช้ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง
ของใช้ที่ดีไม่ใช่แค่สวยงามแต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันด้วยลองนึกถึงสิ่งที่คุณต้องการและปัญหาที่คุณอยากแก้ไขเช่น ถ้าคุณมีพื้นที่จำกัดการเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบพับเก็บได้หรือของใช้ที่มีฟังก์ชันอเนกประสงค์จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มาก
ตัวอย่าง:โต๊ะกลางห้องนั่งเล่นที่มีลิ้นชักเก็บของหรือเตียงนอนที่มีช่องเก็บของด้านล่างเป็นต้น
3.คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
บางครั้งเราอาจเผลอซื้อของใช้มากมายเพราะเห็นว่าลดราคาหรือดีไซน์สวยแต่สุดท้ายกลับไม่ได้ใช้งานจริงทำให้บ้านรกและสิ้นเปลืองงบประมาณการเลือกของใช้ที่มีคุณภาพดีแม้จะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยในตอนแรก แต่จะใช้งานได้ยาวนานทนทานและไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ตัวอย่าง:เครื่องนอนคุณภาพดีที่จะช่วยให้คุณนอนหลับสบาย,เครื่องครัวที่ทำจากวัสดุ Food Grade ปลอดภัยต่อสุขภาพหรือเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรงทนทานเป็นต้น
4.เลือกโทนสีและวัสดุให้เข้ากับบรรยากาศโดยรวม
การเลือกของใช้ให้มีโทนสีและวัสดุที่กลมกลืนกับบรรยากาศโดยรวมของบ้านจะช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นสบายตาและน่าอยู่ การเลือกสีหรือวัสดุที่โดดเด่นเกินไปอาจทำให้บ้านดูไม่เป็นระเบียบหรือดูอึดอัดได้
ตัวอย่าง:หากผนังบ้านเป็นสีขาวของตกแต่งสีเอิร์ธโทนเช่น สีเบจหรือสีเทาอ่อนหรือสีไม้จะช่วยให้บ้านดูอบอุ่นและผ่อนคลาย
5.คำนึงถึงการดูแลรักษาและความสะอาด
ของใช้ที่ดูแลรักษาง่ายและทำความสะอาดง่ายจะช่วยลดภาระในการดูแลบ้านและทำให้บ้านของคุณสะอาดน่าอยู่เสมอลองเลือกวัสดุที่ไม่กักเก็บฝุ่นไม่เป็นรอยง่ายหรือสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ตัวอย่าง:พรมที่สามารถซักได้,เฟอร์นิเจอร์บุผ้าที่ถอดซักได้,หรือพื้นผิววัสดุที่เรียบลื่นทำความสะอาดง่าย
6.เพิ่มของตกแต่งที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ
นอกเหนือจากของใช้ที่ใช้งานได้จริงการเพิ่มของตกแต่งเล็กๆน้อยๆที่สะท้อนความเป็นตัวคุณเช่น รูปภาพครอบครัวหรือของสะสมหรือต้นไม้ฟอกอากาศจะช่วยเพิ่มชีวิตชีวาและความรู้สึกอบอุ่นให้กับบ้านของคุณทำให้บ้านเป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัยแต่เป็นพื้นที่ที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณ การเลือกของใช้ให้บ้านน่าอยู่ไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่คุณใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆและเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและความรู้สึกเพียงเท่านี้บ้านของคุณก็จะกลายเป็นวิมานที่น่าอยู่และเติมเต็มความสุขให้กับคุณได้อย่างแท้จริง
7.แสงสว่างสร้างบรรยากาศและเพิ่มประสิทธิภาพ
แสงสว่างเป็นปัจจัยสำคัญที่หลายคนมองข้ามไปการเลือกโคมไฟและหลอดไฟที่เหมาะสมจะช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันได้เช่น แสงวอร์มไวท์(Warm White)ให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายเหมาะกับห้องนอนหรือมุมพักผ่อน ส่วนแสงเดย์ไลท์(Daylight)ให้ความรู้สึกสดใสกระตือรือร้นเหมาะกับห้องทำงานหรือห้องครัว นอกจากนี้ พิจารณาแสงธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เปิดม่านรับแสงยามเช้าจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม่ให้บดบังหน้าต่างการมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในบ้านจะช่วยให้บ้านดูกว้างขวางสดชื่นและยังประหยัดพลังงานอีกด้วย
การทำให้บ้านน่าอยู่ไม่ได้อยู่ที่ขนาดหรือความหรูหราแต่อยู่ที่การเลือกใช้ของอย่างชาญฉลาด”ของใช้ที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง”เพราะมันช่วยสะท้อนไลฟ์สไตล์และตอบโจทย์การใช้งานจริงของคุณได้อย่างลงตัวเริ่มต้นด้วยการเข้าใจสไตล์การใช้ชีวิต เพื่อเลือกของที่เข้ากันไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งสิ่งสำคัญคือคุณภาพต้องมาก่อนปริมาณเพราะของใช้ที่ดีจะทนทานใช้งานได้นานและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว นอกจากนี้ควรคำนึงถึงการดูแลรักษาเพื่อให้บ้านสะอาดอยู่เสมอพร้อมกับโทนสีและวัสดุที่กลมกลืนกันเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นการจัดแสงสว่างที่เหมาะสมกลิ่นหอมที่ผ่อนคลายและระบบจัดเก็บที่เป็นระเบียบล้วนมีส่วนช่วยให้บ้านของคุณเป็นพื้นที่ที่น่าอยู่และเติมเต็มความสุขได้อย่างแท้จริง