เหล็ก (Steel) เป็นวัสดุพื้นฐานที่มีความสำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมทั่วโลก เนื่องจากมีคุณสมบัติทางกลที่โดดเด่น เช่น ความแข็งแรงสูง สามารถรับแรงดึง แรงกด และแรงดัดได้ดี ทำให้สามารถนำไปใช้ในงานโครงสร้างหนักได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้เหล็กยังดัดแปรและขึ้นรูปได้ง่าย สามารถรีด, ดัด, เชื่อม หรือปรับขนาดให้เหมาะกับการใช้งานได้หลากหลาย อีกทั้งต้นทุนไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับวัสดุโลหะชนิดอื่น จึงทำให้เหล็กเป็นทางเลือกหลักสำหรับอุตสาหกรรมทุกประเภท
เหล็กยังสามารถพัฒนาเป็นหลายเกรดและหลายชนิด เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะทางของแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งการทนต่อแรงดึงสูง, การทนต่อการสึกหรอ, ความเหนียวหรือความทนทานต่อการกัดกร่อน จึงถูกนำไปใช้ในงานหลากหลาย เช่น โครงสร้างอาคาร, สะพาน, พื้นโรงงาน, เฟรมเครื่องจักร, อุปกรณ์ผลิตและระบบจัดเก็บสินค้า เช่น ชั้นวางของเหล็ก, ชั้นพาเลท, โครงสร้างโกดังสินค้า
นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งคุณสมบัติให้เหมาะกับงานเฉพาะ เช่น การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง, งานที่ต้องทนสารเคมี, หรืออุณหภูมิสูง ทำให้เหล็กเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมได้อย่างครบถ้วน
ประเภทของเหล็ก(Types of Steel)
1.เหล็กกล้าคาร์บอน
เหล็กที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก โดยปริมาณคาร์บอนจะอยู่ระหว่าง 0.02–2% ของน้ำหนักเหล็ก ไม่มีการเติมธาตุเจือโลหะอื่นมากนัก เหล็กประเภทนี้เป็นเหล็กที่ใช้กันแพร่หลายที่สุด เพราะราคาประหยัด ผลิตง่าย และมีคุณสมบัติทางกลเหมาะกับงานหลายประเภท
คุณสมบัติ
– แข็งแรงและทนทาน: ความแข็งแรงขึ้นอยู่กับปริมาณคาร์บอน
– ดัดและเชื่อมง่าย: เหล็กที่คาร์บอนต่ำสามารถดัดงอและเชื่อมได้ง่าย
– เหนียวปานกลาง: มีความแข็งแรงและเหนียวสมดุล เหมาะกับเพลา เกียร์
– แข็งมาก: คาร์บอนสูง ทำให้เหล็กแข็ง แต่เปราะ ทนการสึกหรอ ใช้ทำเครื่องมือและสปริง
การใช้งานที่เหมาะสม
– งานโครงสร้างและอาคาร เช่น เสา คาน แผ่นพื้น โครงสร้างอาคาร
– งานเฟอร์นิเจอร์และระบบจัดเก็บ เช่น ชั้นวางของ ตู้เหล็ก โต๊ะเหล็ก
– เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทนต่อการสึกหรอ เช่น ใบเลื่อย มีด ดาย เครื่องมือตัด
2.เหล็กรีดร้อน/เหล็กโครงสร้าง (Hot Rolled / Structural Steel)
เหล็กรีดร้อนคือเหล็กที่ขึ้นรูปเมื่ออยู่ในอุณหภูมิสูง ทำให้แข็งแรงและทนต่อแรงดึงแรงกดได้ดี ส่วนเหล็กโครงสร้างคือเหล็กที่ใช้ทำโครงสร้างหลัก เช่น เสา คาน หรือชั้นวางของหนักทั้งสองคำมักใช้เรียกรวมกันเพราะเหล็กรีดร้อนมักถูกนำมาทำเป็นชิ้นส่วนโครงสร้างต่างๆ
คุณสมบัติ
– แข็งแรงสูง รับแรงดึง แรงกดและแรงงอได้ดี เหมาะกับโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ชั้นวางโกดัง
– ทนต่อการบิดงอ เหล็กรีดร้อนมีความเหนียว จึงทนต่อแรงบิดและแรงสั่นสะเทือนได้ดี
– ทนทานต่อการใช้งานหนัก ใช้งานระยะยาวได้โดยไม่เสียรูปง่าย
การใช้งานที่เหมาะสม
– ชั้นวางของหนัก / โกดัง ใช้เป็นคานและเสาหลัก ของชั้นวางพาเลทหรือชั้นวางสินค้าขนาดใหญ่ รองรับน้ำหนักได้มากและใช้งานหนักได้ต่อเนื่อง
– งานโครงสร้างอาคาร เสา คาน แพลตฟอร์ม พื้นโรงงานใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง
– ชิ้นส่วนโครงสร้างอุตสาหกรรม โครงเครื่องจักรขนาดใหญ่ โครงสร้างที่ต้องรับแรงสั่นสะเทือนหรือแรงกดสูง
3.เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel)
เหล็กกล้าไร้สนิมคือ เหล็กที่มีโครเมียม ทำให้ผิวเหล็กเกิดชั้นออกไซด์บางๆป้องกันสนิมและสามารถทนต่อการกัดกร่อนในน้ำหรือสารเคมีบางชนิดได้ดี สามารถเติมธาตุอื่น เช่น นิกเกิลหรือโมลิบดีนัมเพื่อปรับสมบัติพิเศษ เหมาะกับงานที่ต้อง ทนสนิม ทำความสะอาดง่ายและผิวสวยงาม
คุณสมบัติ
– ทนสนิมสูง ไม่เกิดสนิมง่าย แม้ในสภาพอากาศชื้น หรือโดนน้ำและสารเคมีบางชนิด
– ความแข็งแรง ใช้งานได้ทั้งโครงสร้างและชิ้นส่วนที่ต้องรับแรง
– ผิวเรียบและสวยงาม เหมาะกับงานโชว์ ชั้นวางสินค้าหรือเฟอร์นิเจอร์
การใช้งานที่เหมาะสม
– ชั้นวางสินค้าในห้องเย็น หรือห้องอาหาร
– ชั้นวางในอุตสาหกรรมอาหารและยา
– ชั้นวางสินค้าที่ต้องสัมผัสน้ำหรือสารเคมี
– เฟอร์นิเจอร์หรือชั้นวางโชว์ที่ต้องการผิวสวยและเรียบ
4.เหล็กฉาก (Angle Steel)
เหล็กที่มีรูปทรงตัว L หรือเรียกว่า Angle มีสองด้านตั้งฉากกัน ใช้เป็นโครงสร้างรองรับหรือตกแต่ง เหล็กฉากสามารถผลิตได้ทั้ง เหล็กกล้าคาร์บอน, เหล็กรีดร้อน, หรือเหล็กชุบสังกะสี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
คุณสมบัติ
– แข็งแรงในแนวตั้งฉาก สามารถรับแรงกดและแรงดึงได้ดี
– ประกอบง่าย ใช้สกรูหรือเชื่อมยึด ทำให้สร้างโครงสร้างชั้นวางได้สะดวก
– น้ำหนักไม่มาก เคลื่อนย้ายและติดตั้งง่าย
การใช้งานที่เหมาะสม
– ชั้นวางสินค้าทั่วไป
– โครงสร้างค้ำยันของชั้นวางพาเลทหรือชั้นหลายชั้น
– เฟอร์นิเจอร์ DIY เช่น ชั้นวางของ โต๊ะทำงาน
– ใช้ร่วมกับเหล็กแผ่น, เหล็กรีดเย็น, เหล็กชุบสังกะสี เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
ชั้นวางของเหล็กเป็นอุปกรณ์จัดเก็บที่มีความแข็งแรงและทนทาน เหมาะกับการใช้งานทั้งในบ้าน ร้านค้า โกดัง หรือแม้กระทั่งในอุตสาหกรรมอาหารและยา โครงสร้างของชั้นวางประกอบด้วยกรอบหลักที่รับน้ำหนัก ซึ่งมักทำจากเหล็กฉาก เหล็กท่อ หรือเหล็กรีดร้อน เพื่อให้มั่นคงและปลอดภัย แผ่นวางสินค้าอาจเป็นเหล็กแผ่น ลวดตะแกรง หรือไม้เคลือบเหล็ก ขึ้นอยู่กับความต้องการและประเภทสินค้าที่จัดเก็บ ส่วนค้ำยันและเสริมแรงช่วยป้องกันชั้นวางบิดหรือโยก
ชั้นวางของเหล็กสามารถปรับระดับชั้นได้ตามขนาดสินค้า ทำให้ใช้พื้นที่ได้เต็มที่และสะดวกต่อการจัดเรียงสินค้า ระบบการประกอบใช้สกรู น็อต หรือคลิปล๊อก ทำให้ติดตั้งง่ายและปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ การเคลือบผิวด้วยสี ชุบสังกะสี หรือพาวเดอร์โค้ทช่วยป้องกันสนิมและเพิ่มความสวยงาม
คุณสมบัติเด่นของชั้นวางเหล็กคือความแข็งแรง ทนต่อการใช้งานหนัก ปลอดภัยและไม่บิดงอง่าย อีกทั้งยังทำความสะอาดง่ายและมีอายุการใช้งานยาวนาน ข้อเสียคือชั้นวางมีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายยาก และหากใช้เหล็กที่ไม่เคลือบผิวอาจเกิดสนิมได้
การใช้งานที่เหมาะสมของชั้นวางเหล็กขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าและสภาพแวดล้อม สำหรับบ้านหรือร้านค้าที่รับน้ำหนักไม่มาก สามารถใช้เหล็กรีดเย็นหรือเหล็กกล้าคาร์บอนได้ ส่วนโกดังหรือชั้นวางสินค้าหนักควรใช้เหล็กรีดร้อนหรือโครงสร้างเหล็ก ส่วนห้องเย็นและอุตสาหกรรมอาหารควรใช้เหล็กกล้าไร้สนิมเพื่อทนต่อความชื้นและทำความสะอาดง่าย