ในยุคที่กระแสใส่ใจสิ่งแวดล้อมมาแรงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อของใช้ในบ้านก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราทุกคนสามารถช่วยลดผลกระทบต่อโลกได้ง่ายๆการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่ดีต่อโลกแต่ยังดีต่อสุขภาพของเราและคนในบ้านด้วยมาดูกันว่าเราจะเลือกของใช้ในบ้านอย่างไรให้รักษ์โลกได้บ้าง
1.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและผลิตจากวัสดุธรรมชาติ
ลองมองหาของใช้ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ย่อยสลายได้หรือมีการปลูกทดแทนได้ง่ายเช่น
– เฟอร์นิเจอร์ไม้:เลือกไม้ที่มาจากการปลูกแบบยั่งยืน(สังเกตสัญลักษณ์ FSC – Forest Stewardship Council)แทนการใช้ไม้จากป่าธรรมชาติ
– เครื่องใช้ในครัว:เลือกใช้จานหรือชามหรือแก้วที่ทำจากไม้ไผ่หรือใยมะพร้าวหรือเซรามิกที่ผลิตด้วยกระบวนการที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
– ของตกแต่งบ้าน:เลือกใช้ผ้าฝ้ายออร์แกนิกหรือปอหรือหวายซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ง่าย
2.มองหาฉลากและตรารับรองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันมีหลายองค์กรที่ให้ตรารับรองผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมการมองหาฉลากเหล่านี้จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อโลกเช่น
– ฉลากเขียว(GreenLabel):ในประเทศไทยเป็นตรารับรองผลิตภัณฑ์ที่แสดงว่ามีการจัดการสิ่งแวดล้อมในการผลิตที่ดี
– EnergyStar:สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าแสดงถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่สูงช่วยประหยัดไฟและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
– FairTrade:นอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังหมายถึงการค้าที่เป็นธรรมไม่มีการเอาเปรียบแรงงาน
3.ลดการใช้แล้วทิ้ง(Reduce,Reuse,Recycle)
หลักการ3Rยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกใช้ของในบ้าน
– ลด(Reduce):พิจารณาความจำเป็นก่อนซื้อลดการซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือเลือกของที่ใช้งานได้หลากหลาย
– ใช้ซ้ำ(Reuse):เลือกใช้ของที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้เช่น ถุงผ้าหรือขวดน้ำใช้ซ้ำได้ภาชนะบรรจุอาหารที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือผ้าเช็ดทำความสะอาดที่ซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้
– รีไซเคิล(Recycle):เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้และอย่าลืมคัดแยกขยะอย่างถูกต้องเพื่อส่งเสริมกระบวนการรีไซเคิล
4.เลือกผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานและน้ำ
ของใช้ในบ้านหลายชนิดใช้พลังงานและน้ำจำนวนมากการเลือกซื้อรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรเหล่านี้ได้
– เครื่องใช้ไฟฟ้า:เลือกตู้เย็นหรือเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องซักผ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือEnergy Star
– สุขภัณฑ์:เลือกสุขภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำเช่น โถสุขภัณฑ์แบบกด 2 ปุ่มหรือฝักบัวอาบน้ำแบบประหยัดน้ำ
5.เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านทั่วไปมักมีสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพลองเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์
– ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ:เช่น น้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดาหรือน้ำยาล้างจานที่ผลิตจากพืช
– ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ(Biodegradable):เพื่อไม่ให้สารเคมีตกค้างในแหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม
– ที่ไม่มีสารฟอสเฟตหรือคลอรีน:ซึ่งเป็นสารที่ทำลายสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตในน้ำ
6.เลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ก่อนตัดสินใจซื้อลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผู้ผลิตดูว่าพวกเขามีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาผ่านกระบวนการที่โปร่งใสและยั่งยืนหรือไม่บางแบรนด์อาจมีการรับรองว่าเป็นCarbon Neutral(ความเป็นกลางทางคาร์บอน)หรือมีโครงการUpcycling(การนำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น)ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อมของพวกเขา
7.พิจารณาอายุการใช้งานและความทนทานของผลิตภัณฑ์
ของใช้ที่มีอายุการใช้งานยาวนานและทนทานถือเป็นของใช้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงเพราะคุณไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่บ่อยๆซึ่งช่วยลดปริมาณขยะและลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตสินค้าชิ้นใหม่แม้ราคาเริ่มต้นอาจจะสูงกว่าแต่ในระยะยาวแล้วคุ้มค่ากว่าทั้งในแง่ของเงินและสิ่งแวดล้อม
8.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบเติม(Refill)หรือแบบเข้มข้น(Concentrated)
สำหรับของใช้ที่ต้องใช้เป็นประจำอย่างน้ำยาทำความสะอาดสบู่หรือน้ำยาล้างจาน ลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีแบบรีฟิลหรือแบบเข้มข้นแทนการซื้อขวดใหม่ทุกครั้ง การซื้อแบบรีฟิลจะช่วยลดปริมาณขวดพลาสติกที่กลายเป็นขยะ ส่วนผลิตภัณฑ์แบบเข้มข้นก็หมายถึงคุณใช้ในปริมาณน้อยลงต่อครั้งและขวดบรรจุภัณฑ์ก็มีขนาดเล็กลงด้วยเช่นกัน
9.สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์ทำมือ(Handmade)
การเลือกซื้อของใช้ในบ้านจากผู้ผลิตท้องถิ่นหรือผลิตภัณฑ์ทำมือไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนเท่านั้นแต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งสินค้าทางไกลและหลายครั้งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะใช้วัสดุธรรมชาติหรือเป็นงานฝีมือที่สร้างสรรค์จากแนวคิดรักษ์โลก
10.ซื้อของใช้มือสองหรือของตกแต่งวินเทจ
การให้โอกาสของใช้มือสองหรือของตกแต่งสไตล์วินเทจถือเป็นการช่วยโลกได้อย่างยอดเยี่ยมเพราะเป็นการยืดอายุการใช้งานของสิ่งของลดความต้องการสินค้าใหม่และลดปริมาณขยะที่กำลังจะถูกทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อมคุณอาจพบสมบัติล้ำค่าที่ไม่ซ้ำใครแถมยังได้สร้างเรื่องราวให้กับของใช้เหล่านั้นด้วย
การเลือกของใช้ในบ้านให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาและตัดสินใจมากขึ้นในตอนแรก แต่เมื่อคุณเริ่มต้นแล้วคุณจะพบว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลยและที่สำคัญคือคุณกำลังสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกและสุขภาพของคุณเองในระยะยาว