ในร้านค้าไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านโชห่วย ไปจนถึงบูธขายสินค้าในงานอีเว้นท์ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ “ตะแกรงSaleสินค้า” เพราะไม่ได้มีไว้แค่สำหรับวางสินค้าเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยดึงดูดสายตาลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการจัดวางสินค้าที่เป็นระเบียบ มองเห็นชัดเจนและหยิบง่าย ลูกค้าจะรู้สึกสะดวกสบายในการเลือกซื้อ ไม่ต้องเสียเวลาค้นหานาน อีกทั้งยังช่วยสร้างบรรยากาศการขายที่เป็นมืออาชีพ ทำให้สินค้าดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ตะแกรง Sale สินค้าคืออะไร?
อุปกรณ์จัดเก็บและแสดงสินค้าที่ทำจากเหล็กหรือลวดเหล็กเชื่อมเป็นตะแกรงสี่เหลี่ยม มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้มาก และมักออกแบบมาให้โปร่ง ทำให้มองเห็นสินค้าภายในได้ชัดเจน เหมาะสำหรับวางสินค้าลดราคา โปรโมชั่น หรือสินค้าที่ต้องการระบายสต็อก
รุ่นตะแกรง Sale สินค้า
แบบมีล้อ → เคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะกับร้านที่ต้องปรับตำแหน่งบ่อย
รุ่น L → เหมาะกับร้านสะดวกซื้อ ร้านโชห่วย หรือมุมโปรโมชั่นเล็ก ๆ ที่ต้องการความกระชับ
รุ่น XL → เหมาะกับซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า หรือพื้นที่ที่ต้องโชว์สินค้าเยอะ ๆ
รุ่น L
- ขนาด: กว้าง 70 ซม. × ลึก 50 ซม. × สูง 65 ซม.
- รับน้ำหนักได้ไม่เกิน 30 Kg.
- ขนาดกะทัดรัดกว่า เหมาะกับร้านค้าที่มีพื้นที่จำกัด หรือจัดโปรโมชั่นสินค้าชิ้นเล็ก–กลาง
- น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย แต่ยังคงความแข็งแรงทนทาน
รุ่น XL
- ขนาด: กว้าง 88 ซม. × ลึก 58 ซม. × สูง 80 ซม.
- รับน้ำหนักได้ไม่เกิน 50 Kg.
- ความจุใหญ่ ใส่ของได้เยอะ เหมาะสำหรับสินค้าโปรโมชั่นชิ้นใหญ่หรือจำนวนมาก
- โครงสร้างเหล็กหนา แข็งแรง ทนต่อการใช้งานต่อเนื่อง
จุดเด่น
1.ดีไซน์โปร่ง → ลูกค้ามองเห็นสินค้าได้ชัดเจน หยิบง่าย
2.มีล้อเลื่อน → เคลื่อนย้ายสะดวก จัดวางได้ตามต้องการ
3.ประกอบง่าย → ถอด–เก็บได้ ประหยัดพื้นที่เมื่อไม่ใช้งาน
4.เพิ่มยอดขาย → เหมาะกับการจัดโปรโมชั่น ลดราคาหรือ Clearance Sale
การเลือกตะแกรง Sale สินค้าให้เหมาะสม
การเลือกตะแกรง Sale สินค้า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานจริง เพราะถ้าเลือกถูกต้อง จะช่วยให้ร้านดูเป็นระเบียบ สินค้าถูกจัดวางอย่างน่าสนใจ และดึงดูดสายตาลูกค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ประหยัดพื้นที่ จัดเก็บได้คุ้มค่า และทำให้การขายสินค้าดูมืออาชีพยิ่งขึ้นโดยสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยต่อไปนี้
1.เลือกขนาดให้พอดีกับพื้นที่
- ถ้าร้านเล็กควรเลือกแบบชั้นไม่สูงมาก เพื่อไม่ให้บดบังสายตาลูกค้า
- ถ้าเป็นร้านใหญ่หรือในโกดัง ควรเลือกแบบหลายชั้น เพื่อประหยัดพื้นที่และวางสินค้าได้เยอะขึ้น
2.ดูน้ำหนักที่รองรับได้
- สินค้าเบาๆ เช่น เครื่องสำอาง ขนมขบเคี้ยว เสื้อผ้า → ใช้รุ่นเบา–กลาง
- สินค้าหนัก เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า ขวดน้ำดื่ม เครื่องมือช่าง → ควรเลือกแบบเหล็กหนา แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้สูง
3.ดีไซน์และการจัดวาง
- เลือกสีหรือสไตล์ที่เข้ากับบรรยากาศร้าน เช่น สีขาว/ดำ สำหรับร้านมินิมอล, สีสดใสสำหรับร้านโชห่วย
- ควรจัดวางให้ลูกค้าเดินดูง่าย ดึงดูดความสนใจและหยิบจับสะดวก
วิธีใช้งานให้คุ้มค่า
1. เลือกขนาดให้เหมาะกับสินค้า – สินค้าชิ้นเล็กใช้ตะแกรงขนาดไม่ใหญ่มากเพื่อไม่ให้ดูโล่งเกินไป ส่วนสินค้าชิ้นใหญ่หรือจำนวนมากควรใช้ตะแกรงสูงและกว้าง
2. จัดหมวดหมู่ให้ชัดเจน – แม้จะเป็น Sale แต่การจัดวางให้เป็นระเบียบ เช่น จัดตามประเภทหรือสี จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
3. ใช้ป้ายโปรโมชั่นชัดเจน – ควรมีป้ายราคา/ป้าย Sale ขนาดใหญ่ ติดให้เห็นชัดจากระยะไกล
4. เลือกวัสดุที่ทนทาน – หากใช้ในพื้นที่ชื้น ควรเลือกแบบเคลือบกันสนิมหรือโครเมียม
5. ดูแลความสะอาดเสมอ – ตะแกรงที่สะอาดเงางามจะช่วยให้สินค้าดูน่าซื้อขึ้น
การดูแลรักษาและยืดอายุการใช้งาน
1. ทำความสะอาดเป็นประจำ → ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดฝุ่นหรือคราบสกปรก เพื่อให้ตะแกรงดูใหม่อยู่เสมอ
2. เลี่ยงการบรรทุกเกินกำลัง → ถึงแม้ชั้นวางจะแข็งแรง แต่การใส่ของหนักเกินไปอาจทำให้เหล็กแอ่นหรือเชื่อมโยงพังได้
3. ตรวจสอบน็อตและจุดเชื่อมต่อ → เพื่อความปลอดภัย ควรตรวจเช็กปีละครั้งว่ามีส่วนไหนคลายหรือชำรุดหรือไม่
4. จัดเรียงสินค้าอย่างสมดุล → ไม่ควรวางของหนักไว้ด้านบนสุด เพราะอาจทำให้ตะแกรงเอียงหรือล้มได้