เลือกขนาดชั้นวางของให้เหมาะสมกับพื้นที่

การจัดเก็บของในบ้านหรือสำนักงานให้เป็นระเบียบไม่ได้ขึ้นอยู่กับดีไซน์หรือวัสดุของชั้นวางเพียงอย่างเดียว แต่ “ขนาดของชั้นวาง” ก็มีความสำคัญอย่างมาก หากเลือกขนาดไม่เหมาะสมอาจทำให้พื้นที่ดูอึดอัดใช้งานไม่สะดวกหรือไม่สามารถเก็บของได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ หากเลือกขนาดที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น

  • พื้นที่ดูอึดอัด : ชั้นที่ใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับห้องอาจทำให้ห้องแคบลงและไม่สมดุล
  • ใช้งานไม่สะดวก : ชั้นที่เล็กเกินไปหรือแคบเกินไปอาจวางของได้ไม่ครบหยิบของยากหรือเก็บของไม่เป็นระเบียบ
  • เสียประโยชน์การใช้สอย : ถ้าชั้นลึกเกินไปอาจมีของบางชิ้นถูกวางลึกจนลืมหยิบมาใช้หรือถ้าชั้นสูงเกินเอื้อมอาจไม่สะดวกต่อการใช้งานจริง

ดังนั้นก่อนซื้อชั้นวางของควรพิจารณาทั้งขนาดพื้นที่ที่มีอยู่จริงของที่จะจัดเก็บและรูปแบบการใช้งานร่วมด้วยไม่ใช่ดูเพียงความสวยงามเท่านั้นการเลือกขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้ห้องดูกว้างโปร่งและสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

1.การวัดขนาดพื้นที่อย่างแม่นยำ
หัวใจสำคัญของการเลือกซื้อชั้นวางของคือการวัดพื้นที่ให้ละเอียดที่สุดโดยเฉพาะ 3 มิติ ได้แก่ ความกว้าง ความลึกและความสูง

  • ความกว้าง: วัดระยะจากซ้ายไปขวาของพื้นที่ที่คุณต้องการวางชั้นวาง
  • ความลึก: วัดระยะจากกำแพงออกมาข้างหน้าคุณควรเลือกชั้นวางที่ลึกไม่เกินไปจนกินพื้นที่ทางเดินหรือตื้นเกินไปจนวางของไม่ได้
  • ความสูง: วัดระยะจากพื้นถึงเพดานหรือจากพื้นถึงขอบหน้าต่างเพื่อให้ชั้นวางพอดีกับพื้นที่และไม่บังแสงสว่าง

คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรเผื่อระยะว่างไว้ด้านละ 5-10 เซนติเมตร เพื่อให้สามารถวางชั้นวางได้อย่างสะดวกและมีระยะให้ของที่ยื่นออกมาเล็กน้อยได้ เช่น หนังสือที่ยื่นจากขอบชั้น

2.คำนึงถึงการใช้งานจริง

  • ของที่ต้องการวาง : ลองลิสต์รายการของที่คุณจะนำมาวางบนชั้นวางเช่น หนังสือ, ของตกแต่ง, หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละอย่างมีขนาดและความต้องการพื้นที่ไม่เท่ากัน
  • ขนาดของของชิ้นใหญ่สุด : ถ้าคุณมีของชิ้นใหญ่ที่ต้องการวางให้วัดขนาดของมันแล้วนำมาเป็นเกณฑ์ในการเลือกขนาดของช่องว่างระหว่างชั้น (ชั้นวางบางรุ่นปรับระดับได้)
  • น้ำหนักของแต่ละชั้น : ชั้นวางของแต่ละรุ่นมีข้อจำกัดเรื่องการรับน้ำหนัก ถ้าคุณจะวางของหนักมากเช่น หนังสือจำนวนมากหรือเอกสารกองใหญ่ คุณควรเลือกชั้นวางที่ทำจากโลหะหรือไม้เนื้อแข็งที่ระบุว่ารับน้ำหนักได้มาก

3.เลือกประเภทชั้นวางให้เหมาะกับสไตล์ห้อง

  • ชั้นวางสูง : เหมาะสำหรับห้องที่มีเพดานสูงหรือห้องที่มีพื้นที่กว้างช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งได้อย่างเต็มที่และสร้างความรู้สึกโปร่งสบาย
  • ชั้นวางเตี้ย : เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดเล็กหรือห้องที่มีข้อจำกัดด้านความสูง เช่น พื้นที่ใต้หน้าต่างหรือใต้บันไดช่วยให้ห้องดูไม่ทึบและไม่อึดอัด
  • ชั้นวางแคบ : เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพื้นที่จำกัด เช่น ซอกมุมต่างๆหรือพื้นที่ว่างข้างประตูช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บโดยไม่ทำให้ห้องดูรก

คำแนะนำเพิ่มเติม: ถ้าต้องการให้ห้องดูเป็นระเบียบและโล่งตา ควรเลือกชั้นวางแบบเปิดที่มีดีไซน์เรียบง่ายเหมือนในภาพ ซึ่งช่วยให้จัดวางของตกแต่งและของใช้ต่างๆได้อย่างสวยงาม

การเลือกชั้นวางของไม่ใช่แค่เรื่องของขนาด แต่เป็นการเลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของคุณด้วย ลองดู 3 แนวทางการตัดสินใจที่แตกต่างกัน

1.สำหรับคนชอบของเยอะและจัดระเบียบเก่ง
ถ้าคุณเป็นคนที่ของเยอะมีหนังสือมากมายหรือชอบสะสมของต่างๆชั้นวางแบบสูงและกว้างคือคำตอบที่ใช่ที่สุด

  • ข้อดี: ใช้พื้นที่แนวตั้งได้อย่างเต็มที่และเก็บของได้ในปริมาณมากช่วยให้ห้องดูเป็นระเบียบในแนวตั้ง
  • สิ่งที่ต้องระวัง: ต้องมั่นใจว่ามีพื้นที่กว้างพอที่จะวางและไม่ทำให้ห้องดูทึบตันการวางของเยอะเกินไปอาจทำให้ห้องดูแน่นได้

เทคนิค: ถ้าเลือกชั้นวางแบบนี้แล้วลองจัดวางของโดยเว้นช่องว่างเล็กน้อยเพื่อให้ชั้นวางดูไม่แน่นจนเกินไป

2.สำหรับคนที่อยากได้ความโล่งโปร่งสบายตา
ถ้าคุณชอบความเรียบง่ายสบายตาและมีของตกแต่งไม่มากชั้นวางแบบเตี้ยหรือชั้นวางแบบแคบคือตัวเลือกที่

  • ข้อดี: ทำให้ห้องดูโล่งไม่อึดอัดเหมาะกับห้องขนาดเล็กหรือพื้นที่ที่มีหน้าต่างช่วยให้แสงสว่างเข้าถึงได้เต็มที่
  • สิ่งที่ต้องระวัง: ชั้นวางประเภทนี้อาจจะเก็บของได้ไม่เยอะเท่าแบบสูงถ้ามีของมากอาจจะต้องพิจารณาตัวเลือกอื่น

เทคนิค: เลือกชั้นวางที่ความลึกไม่มากนักเพื่อไม่ให้กินพื้นที่ทางเดินทำให้ห้องดูกว้างขึ้น

3.สำหรับคนที่มองหาชั้นวางแบบอเนกประสงค์
ถ้าคุณต้องการชั้นวางที่ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตลอดเวลาชั้นวางแบบที่สามารถต่อขยายได้หรือชั้นวางที่มีช่องขนาดต่างๆกันจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด

  • ข้อดี: สามารถปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปร่างให้เข้ากับพื้นที่ได้ในอนาคตทำให้ไม่ต้องซื้อชั้นวางใหม่บ่อยๆสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ
  • สิ่งที่ต้องระวัง: ชั้นวางประเภทนี้อาจจะมีราคาที่สูงกว่าแบบทั่วไปและอาจใช้เวลาในการประกอบนานกว่า

เทคนิค: วางแผนการใช้งานในอนาคตไว้ล่วงหน้าเช่น ถ้าจะใช้เป็นที่วางของเล่นลูกในตอนนี้แต่อาจจะใช้เป็นที่วางหนังสือในอนาคตก็จะทำให้คุณเลือกชั้นวางได้คุ้มค่ามากขึ้น

Leave a Comment