คลังสินค้าสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะการใช้งาน , ประเภทสินค้า , และโครงสร้างของคลังสินค้า โดยหลักๆ แล้วสามารถแบ่งประเภทของคลังสินค้าได้ดังนี้
1. แบ่งตามลักษณะการใช้งาน
- คลังสินค้าทั่วไป ใช้สำหรับเก็บรักษาสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น สินค้าในร้านค้าปลีก เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสินค้าที่ไม่ต้องการการดูแลพิเศษ คลังสินค้าประเภทนี้มักจะมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง จึงเหมาะสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน หน้าที่หลักของคลังสินค้าทั่วไปคือการจัดเก็บสินค้าอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถหยิบและนำไปใช้งานหรือจัดส่งได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
- คลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ใช้สำหรับเก็บรักษาสินค้าที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เช่น อาหารสด อาหารแช่แข็ง ยา เคมีภัณฑ์ หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นคลังสินค้าเฉพาะทางที่ถูกออกแบบมาเพื่อ รักษาสินค้าให้อยู่ในช่วงอุณหภูมิที่กำหนดไว้ตลอดเวลา เพื่อรักษาคุณภาพและยืดอายุของสินค้า
- คลังสินค้าอันตราย ใช้สำหรับเก็บรักษาสารเคมี วัตถุไวไฟ หรือวัตถุอันตรายอื่นๆ ที่ต้องมีมาตรการความปลอดภัยสูง เป็นคลังสินค้าเฉพาะทางที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดเก็บวัตถุหรือสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้ การจัดการคลังสินค้าประเภทนี้จึงต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดและมีมาตรการความปลอดภัยที่สูงกว่าคลังสินค้าทั่วไปอย่างมาก
- คลังสินค้าทัณฑ์บน ใช้สำหรับเก็บสินค้านำเข้าที่ยังไม่ได้ชำระภาษีอากร เป็นคลังสินค้าที่ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากรให้ใช้เป็นสถานที่จัดเก็บ สินค้านำเข้าที่ยังไม่ได้ชำระภาษีอากร . สินค้าเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในคลังนี้ชั่วคราวก่อนที่จะมีการดำเนินการต่อไป เช่น การนำไปจำหน่าย การส่งออก หรือการผลิต
- คลังสินค้าปลอดอากร เป็นคลังสินค้าที่ตั้งอยู่ใน เขตปลอดอากร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กำหนดขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยสินค้าที่นำเข้าไปในเขตนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามที่กฎหมายกำหนด
2. แบ่งตามประเภทของสินค้า
- คลังสินค้าวัตถุดิบ เป็นคลังสินค้าที่ใช้สำหรับจัดเก็บ วัตถุดิบและส่วนประกอบ ที่จำเป็นสำหรับกระบวนการผลิต . วัตถุดิบเหล่านี้จะถูกจัดเก็บไว้ก่อนที่จะถูกส่งไปยังสายการผลิตเพื่อแปรสภาพเป็นสินค้าสำเร็จรูปต่อไป
- คลังสินค้าสำเร็จรูป ใช้สำหรับเก็บสินค้าที่ผลิตเสร็จสิ้นแล้วและพร้อมที่จะจัดจำหน่าย คลังสินค้าประเภทนี้เป็นด่านสุดท้ายในกระบวนการผลิตและเป็นด่านแรกในกระบวนการจัดส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคหรือผู้ค้าปลีก
- คลังสินค้าอะไหล่ คลังสินค้าที่ใช้สำหรับจัดเก็บ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำรอง ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมบำรุง , การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน หรือการเปลี่ยนชิ้นส่วนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ คลังสินค้าประเภทนี้มีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานของธุรกิจที่ต้องพึ่งพาเครื่องจักรเป็นหลัก เช่น โรงงานอุตสาหกรรม, สายการบิน, หรืออุตสาหกรรมยานยนต์
- คลังสินค้า E-Commerce ใช้สำหรับจัดเก็บและจัดการคำสั่งซื้อสินค้าสำหรับธุรกิจออนไลน์ คลังสินค้า E-Commerce คือ คลังสินค้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการดำเนินงานของธุรกิจออนไลน์โดยเฉพาะ . โดยมีกระบวนการที่เน้นความรวดเร็วในการจัดการคำสั่งซื้อขนาดเล็กและจำนวนมาก เพื่อจัดส่งตรงถึงมือผู้บริโภคแต่ละราย
3. แบ่งตามโครงสร้างของคลังสินค้า
- คลังสินค้าชั้นเดียว
ข้อดี
ต้นทุนก่อสร้างต่ำ การออกแบบและก่อสร้างอาคารชั้นเดียวไม่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าคลังสินค้าหลายชั้นการเข้าถึงที่ง่าย รถยก (forklift) และอุปกรณ์ขนย้ายสามารถเข้าถึงได้ทุกจุดภายในคลังสินค้าโดยไม่มีข้อจำกัดด้านความสูงหรือพื้นที่ความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนผังการจัดเก็บและระบบการทำงานได้ง่ายตามความต้องการของธุรกิจ
กระบวนการทำงานที่ราบรื่น การเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งทำได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้ลิฟต์หรือระบบขนส่งแนวดิ่งที่ซับซ้อน
ข้อเสีย
ใช้พื้นที่แนวราบมาก เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีขนาดกว้างขวางและมีราคาไม่สูงนัก ซึ่งอาจไม่เหมาะกับทำเลใจกลางเมืองใหญ่ที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่
ประสิทธิภาพการใช้พื้นที่จำกัด หากต้องการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ จำเป็นต้องขยายอาคารในแนวกว้าง ซึ่งอาจทำได้ยากเมื่อมีพื้นที่จำกัด
- คลังสินค้าหลายชั้น
ข้อดี
เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดในเขตเมืองใหญ่ โดยสามารถใช้พื้นที่ในแนวตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า สามารถจัดเก็บสินค้าในปริมาณมากบนพื้นที่จำกัด ทำให้ลดต้นทุนค่าที่ดินในทำเลที่มีราคาแพง
ลดต้นทุนการขนส่ง การตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางเมืองช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าไปยังลูกค้า
รองรับสินค้าที่หลากหลาย สามารถแบ่งโซนแต่ละชั้นเพื่อจัดเก็บสินค้าประเภทต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น ชั้นบนสำหรับสินค้าที่ไม่เน้นการเข้าออกบ่อย และชั้นล่างสำหรับสินค้าที่มีการหมุนเวียนสูง
ข้อเสีย
ต้นทุนการก่อสร้างสูง โครงสร้างอาคารที่ซับซ้อนและระบบขนส่งแนวดิ่ง เช่น ลิฟต์ขนส่งสินค้า หรือระบบสายพานลำเลียง ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงกว่า
ความยุ่งยากในการจัดการ การเคลื่อนย้ายสินค้าจากชั้นหนึ่งไปยังอีกชั้นหนึ่งต้องใช้ระบบที่ซับซ้อนและอาจใช้เวลานานกว่า ทำให้ต้องวางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ
ข้อจำกัดด้านน้ำหนัก โครงสร้างอาคารแต่ละชั้นมีข้อจำกัดในการรับน้ำหนัก ทำให้ไม่เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมากหรือมีขนาดใหญ่เกินไป
- คลังสินค้าอัตโนมัติ
ข้อดี
เพิ่มประสิทธิภาพ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยลดความผิดพลาดจากแรงงานคน
ประหยัดพื้นที่ สามารถใช้พื้นที่จัดเก็บในแนวตั้งได้อย่างเต็มที่ ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอย
ลดต้นทุนแรงงาน ลดจำนวนพนักงานที่ต้องใช้ในคลังสินค้าลง
เพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการขนย้ายสินค้า
ข้อเสีย
ต้นทุนเริ่มต้นสูง: การลงทุนในระบบและอุปกรณ์อัตโนมัติมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
ความยืดหยุ่นต่ำ: การปรับเปลี่ยนระบบหรือผังคลังสินค้าทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง
ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ: จำเป็นต้องมีทีมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบ