“รถยก” หรือ Forklift เป็นเครื่องมือคลังสินค้าที่ใช้ยกพาเลทสินค้าในโกดังหรือโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป แต่จริง ๆ แล้ว รถยกมีหลายประเภทที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้าขนาดเล็ก พื้นที่ขรุขระ ไปจนถึงงานหนักในภาคอุตสาหกรรม วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับรถยกประเภทต่าง ๆ และเลือกให้เหมาะสมกับงาน
1.Warehouse Forklift – รถยกสำหรับคลังสินค้า
รถโฟล์คลิฟท์มีลักษณะโดดเด่นคือ งายื่นออกมาจากด้านหน้า ส่วนใหญ่มักจะใช้รถโฟล์คลิฟท์นี้ในคลังสินค้า ซึ่งเหมาะสำหรับการขนถ่ายพาเลทและสินค้าต่างๆรวมถึงการขนย้ายสิ่งของลงจากรถบรรทุกรถโฟล์คลิฟท์ในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่สามารถยกของหนัก 2.5 ตัน แต่บางรุ่นมีความสามารถในการยกของหนักระดับ 10 ตันขึ้นไป
ข้อดี : คล่องตัว ใช้งานง่าย เหมาะกับการโหลดสินค้าขึ้นรถบรรทุก
ข้อเสีย : ใช้งานภายนอกอาคารหรือบนพื้นขรุขระไม่ดี
2.Side Loader Forklift – รถยกข้างสำหรับของยาว
มักพบในโรงงานผลิตเหล็กหรือที่มีสินค้าหนักและยาวเทอะทะโดยผู้ปฏิบัติงานจะยืนอยู่ในช่องด้านข้างจากนั้นเคลื่อนย้ายรถโฟล์คลิฟท์โดยการวิ่งด้านข้าง เนื่องจากการยกสินค้าจากด้านข้างจึงสามารถขับและยกของขึ้นชั้นวางสินค้าได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นการขนถ่ายโดยไม่ต้องเลี้ยวจึงทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานทางในทางเดินแคบๆและยกสินค้าที่มีลักษณะยาว เช่น ไม้ ท่อ เหล็ก อลูมิเนียม ฯลฯ
ข้อดี : ขนของยาวได้โดยไม่ต้องหมุนตัว ใช้พื้นที่น้อย
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับการยกพาเลทมาตรฐาน
3.Counterbalance Forklift – รถยกแบบถ่วงน้ำหนัก
เป็นรถโฟล์คลิฟท์ยอดนิยมที่มีงาด้านหน้าและน้ำหนักที่อยู่ด้านหลังของรถโฟล์คลิฟท์มีไว้เพื่อถ่วงน้ำหนักของการบรรทุกสินค้า ซึ่งรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้านั่งขับมีรุ่นที่หลากหลายโดยที่รุ่น 3 ล้อนี้เหมาะสำหรับการทำงานที่ผู้ควบคุมต้องเลี้ยวและเคลื่อนที่เป็นวงกลมโดยเลี้ยวในพื้นที่จำกัดเพราะวงเลี้ยวแคบมาก
ข้อดี : แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย มีถ่วงน้ำหนักเพื่อความสมดุล
ข้อเสีย : ต้องการพื้นที่กว้างในการหมุนตัว ไม่สามารถเข้าถึงชั้นวางสูงได้ดี
4. Reach Truck – รถยกสำหรับชั้นวางสูง
รถยกไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น โกดังสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางเดินแคบๆ รถรุ่นนี้มีโครงสร้างที่กะทัดรัด ขาที่ยื่นออกไปด้านหน้า และล้อหลังที่อยู่ใต้คนขับ ซึ่งช่วยให้เลี้ยวได้แคบและเข้าถึงชั้นวางสินค้าที่สูงได้
ข้อดี: เคลื่อนที่ในทางเดินแคบได้ดี เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้า
ข้อเสีย: ใช้งานภายนอกไม่ดี ต้องการพื้นเรียบ
5. Tele handler – รถยกแขนยืด
รถโฟล์คลิฟท์แบบมีระยะเอื้อม ซึ่งมีบูมและแขนที่ยืดออกได้เป็นการผสมผสานระหว่างรถเครนและรถโฟล์คลิฟท์ โดยงาคู่ที่ติดอยู่กับแขนนี้ใช้เพื่อย้ายพาเลทออกซึ่งสามารถยกของหนักและมีความสูงมากได้ ตัวอย่างเช่นยกสินค้าหนัก 2.5 ตันจากความสูง 6 เมตร ซึ่งรถโฟล์คลิฟท์ขนย้ายวัสดุประเภทนี้ไม่เหมาะสำหรับการเข้าถึงพื้นที่แคบและมุมแคบๆ ซึ่งมักพบเจอรถโฟล์คลิฟท์หรือใช้งานในคลังสินค้า สถานที่ก่อสร้างที่มีพื้นกว้างและมีชั้นวางของที่สูงมาก
ข้อดี : แขนยืดสูงและยกของได้ไกล ใช้งานได้หลายรูปแบบ
ข้อเสีย : ต้องใช้คนขับที่มีทักษะเฉพาะ ราคาสูง
6. Industrial Forklift – รถยกอุตสาหกรรมหนัก
รถโฟล์คลิฟท์นั่งขับที่มีขนาดใหญ่ได้รวมฟังก์ชันการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์ทั้งหมดไว้ที่นี่แล้วซึ่งนิยมนำไปใช้งานในคลังสินค้า โดยรถโฟล์คลิฟท์นั่งขับขนาดใหญ่จะไม่สามารถเข้าถึงมุมได้แต่สามารถยกสินค้าที่มีน้ำหนักบรรทุกได้มากกว่ารถโฟล์คลิฟท์ประเภทอื่น ๆ
ข้อดี : รองรับน้ำหนักสูง แข็งแรง ทนทาน
ข้อเสีย : ต้องการพื้นที่กว้าง สิ้นเปลืองพลังงาน
7. Rough Terrain Forklift – รถยกสำหรับพื้นที่ขรุขระ
รถโฟล์คลิฟท์นั่งขับที่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ขรุขระ ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงานกลางแจ้งใช้งานบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ รถโฟล์คลิฟท์นั่งขับมียางลมที่ทนทานซึ่งสามารถใช้งานบนพื้นหินได้ยางชนิดพิเศษมีขนาดใหญ่และเกลียวที่แข็งแรง ทำให้มีความสมดุลและเสถียรภาพที่ดีขึ้นในการขนย้ายวัสดุอย่างปลอดภัย หากคุณทำงานส่วนใหญ่ในอาคาร คุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้รถโฟล์คลิฟท์นั่งขับประเภทนี้
ข้อดี : ใช้งานได้ในทุกสภาพพื้นผิว รองรับน้ำหนักได้มาก
ข้อเสีย : ไม่เหมาะสำหรับงานในโกดัง ต้องการพื้นที่หมุนตัวกว้าง
8. Walkie Stacker – รถยกแบบเดินตาม
รถสแตกเกอร์มีลักษณะเฉพาะเจาะจง ไม่มีห้องโดยสารให้กับคนขับซึ่งแตกต่างจากรถโฟล์คลิฟท์อื่นๆ โดยที่คนใช้งานจะเดินตามหลังรถสแตกเกอร์และบังคับรถสแตกเกอร์โดยใช้ที่จับแทน เหมาะสำหรับการรับน้ำหนัก 1-2 ตัน
ช้อดี : ใช้งานง่าย ค่าใช้จ่ายต่ำ เหมาะสำหรับการยกสินค้าระดับต่ำถึงปานกลาง
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับงานหนัก
9. Order Picker – รถยกสำหรับหยิบสินค้า
รถโฟล์คลิฟท์ประเภทกระเช้าไฟฟ้าใช้ในการหยิบและส่งมอบวัสดุจากการจัดเก็บอาจมีความสูงถึง 8 เมตร ซึ่งออกแบบมาเพื่อยกผู้ปฏิบัติงานขึ้นไปยังชั้นวางคลังสินค้าชและหยิบสินค้าทีละชิ้นแทนการยกทั้งพาเลทส่วนมากจะถูกใช้ในคลังสินค้า ทำให้สามารถจัดการกับสินค้าขนาดต่างๆ ตั้งแต่ชิ้นส่วนรถยนต์ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์
ข้อดี : ลดภาระของพนักงาน ใช้ในระบบโลจิสติกส์ที่ต้องการความเร็ว
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับสินค้าหนัก
10. Reach Stacker – รถยกสำหรับตู้คอนเทนเนอร์
รถโฟล์คลิฟท์ยืนขับใช้ในคลังสินค้าเป็นหลักโดยมีความสามารถหลักคือสามารถขยายงาออกและเข้าถึงชั้นวางคลังสินค้าได้ดี นอกจากนี้ยังมีห้องโดยสารที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีทัศนวิสัยการมองเห็นที่ดีอีกด้วยส่วนมากรถโฟล์คลิฟท์ยืนขับจะนำไปใช้งานในคลังสินค้า โกดัง ร้านค้าขายปลีก ขายส่ง ห้องเย็น ฯลฯ
ข้อดี : รองรับน้ำหนักมาก แขนยืดเข้าถึงคอนเทนเนอร์ได้ง่าย
ข้อเสีย : ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ราคาสูง