การเลือกชั้นวางของที่เหมาะสมสำหรับบ้านถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากประโยชน์ใช้สอยแล้วยังส่งผลต่อบรรยากาศและการตกแต่งโดยรวมด้วย ชั้นวางของที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นชั้นวางของเหล็กและชั้นวางของไม้ ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติและลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนบทความนี้จะเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของทั้งสองแบบเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าแบบไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากกว่า
1.ชั้นวางของเหล็ก: แข็งแกร่งและทันสมัย
ชั้นวางของเหล็กมักทำจากเหล็กกล้าหรือโลหะผสม ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของความแข็งแรงทนทานและสามารถรับน้ำหนักได้มากโดยเฉพาะชั้นวางแบบตั้งพื้นจึงเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่ต้องการความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเช่น โรงรถ ห้องเก็บของ หรือคลังสินค้าขนาดเล็ก
ลักษณะ
- วัสดุ: ทำจากเหล็กกล้าหรือโลหะผสมอื่นๆซึ่งอาจมีการเคลือบผิวเพื่อป้องกันสนิมเช่น การพ่นสีฝุ่นหรือการชุบสังกะสี
- รูปลักษณ์: มีลักษณะที่ดูแข็งแรงทันสมัยและเรียบง่าย มักจะเข้ากันได้ดีกับสไตล์การตกแต่งแบบโมเดิร์น อินดัสเทรียลหรือลอฟท์
- โครงสร้าง: โครงสร้างมักจะมีความหนาและเป็นเหลี่ยมเป็นมุมเพื่อความมั่นคงและสามารถรับน้ำหนักได้สูงชั้นวางบางรุ่นสามารถปรับระดับความสูงของแต่ละชั้นได้ง่าย
คุณสมบัติ
- ความแข็งแรง: นี่คือจุดเด่นที่สำคัญที่สุดชั้นวางเหล็กสามารถรองรับของที่มีน้ำหนักมากได้โดยไม่แอ่นหรือเสียรูปทรง
- ความทนทาน: เหล็กทนทานต่อปลวกและแมลงกัดกินทนความชื้นและสภาพอากาศได้ดีกว่าไม้โดยเฉพาะชั้นที่ผ่านการเคลือบผิวมาอย่างดีจะช่วยป้องกันการเกิดสนิมได้
- การดูแลรักษา: ง่ายและสะดวกเพียงแค่เช็ดทำความสะอาดก็เพียงพอ
- น้ำหนัก: มีน้ำหนักค่อนข้างมากทำให้การเคลื่อนย้ายทำได้ยากกว่าชั้นวางไม้
- สไตล์: เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นและอินดัสเทรียลให้ความรู้สึกที่ดูทันสมัยเรียบง่ายและแข็งแกร่ง
2.ชั้นวางของไม้: อบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
ชั้นวางของไม้เป็นตัวเลือกยอดนิยมมาอย่างยาวนานด้วยเสน่ห์ของลวดลายและสีสันตามธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตาและเป็นกันเองทำให้เข้ากันได้ดีกับบ้านทุกสไตล์โดยเฉพาะแบบมินิมอลหรือสแกนดิเนเวียน
ลักษณะ
- วัสดุ: ทำจากไม้จริงเช่น ไม้สัก ไม้โอ๊ก ไม้ยางพาราหรือไม้อัดและไม้ MDF ซึ่งมีความแข็งแรงและคุณสมบัติต่างกันไปตามประเภทไม้
- รูปลักษณ์: มีลวดลายและสีสันตามธรรมชาติของไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตาและเป็นกันเอง เข้ากันได้ดีกับสไตล์การตกแต่งแบบมินิมอล วินเทจ สแกนดิเนเวียน หรือคลาสสิก
- โครงสร้าง: มีความยืดหยุ่นในการออกแบบสูงกว่าสามารถแกะสลักหรือดัดแปลงรูปทรงได้หลากหลาย
คุณสมบัติ
- ความแข็งแรงและการรับน้ำหนัก: โดยรวมแล้วแข็งแรงน้อยกว่าชั้นวางเหล็กเหมาะสำหรับวางของที่มีน้ำหนักเบาถึงปานกลางเช่น ของตกแต่ง หนังสือ หรือของใช้ในชีวิตประจำวัน
- ความทนทาน: เสี่ยงต่อการเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายและอาจถูกทำลายจากความชื้น ปลวก และแมลงกัดกินไม้ได้หากไม่มีการดูแลรักษาที่ดี
- ความสวยงาม: ไม้มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติทำให้ห้องดูน่าอยู่และผ่อนคลาย
- ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: สามารถนำไปปรับแต่งได้หลากหลายเช่น ทาสีใหม่หรือเคลือบเงาเพื่อเปลี่ยนลุคให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน
- ความหลากหลาย: มีให้เลือกหลายชนิดทั้งไม้จริงและไม้อัดทำให้สามารถเลือกชั้นวางของได้ตามงบประมาณและความต้องการ
- น้ำหนัก: มีน้ำหนักเบากว่าชั้นวางเหล็กทำให้เคลื่อนย้ายและจัดวางได้สะดวกกว่า
ข้อเสียของชั้นวางไม้คือ ความแข็งแรงที่น้อยกว่าเหล็กทำให้ไม่เหมาะกับการวางของหนักมากๆและต้องระวังเรื่องปลวกและความชื้นที่อาจทำให้ไม้บวมหรือผุพังได้ นอกจากนี้บางชนิดเช่น ไม้จริงอาจมีราคาสูงและต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษเพื่อคงสภาพความสวยงาม
เลือกชั้นวางของใช้ตอบโจทย์การใช้งาน
- ถ้าคุณต้องการชั้นวางของในโรงรถหรือห้องเก็บของ: ที่ต้องวางเครื่องมือหนักๆหรือกล่องเก็บของจำนวนมากชั้นวางของเหล็กคือตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะให้ความแข็งแรงและความทนทานสูงสุด
- ถ้าคุณต้องการชั้นวางของในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน: เพื่อวางของตกแต่งหนังสือหรือของใช้ส่วนตัวชั้นวางของไม้จะช่วยเพิ่มความสวยงามและความอบอุ่นให้กับห้องได้ดีกว่า
- ถ้าคุณต้องการความสมดุล: ลองมองหาชั้นวางของแบบผสมผสานที่มีโครงสร้างเหล็กเพื่อความแข็งแรงและใช้แผ่นไม้เป็นชั้นวางเพื่อความสวยงามวิธีนี้จะทำให้คุณได้ชั้นวางของที่แข็งแรงทนทานและมีดีไซน์ที่ลงตัว
เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกวัสดุประเภทไหนขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณารายละเอียดปลีกย่อยเพื่อให้ได้ชั้นวางของที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ที่สุด
1.คุณภาพของวัสดุ
- ชั้นวางของเหล็ก: เหล็กมีหลายเกรด ควรเลือกเหล็กที่มีคุณภาพดีเพื่อความแข็งแรงและทนทานนอกจากนี้การเคลือบผิวก็สำคัญมากชั้นวางที่ผ่านการพ่นสีฝุ่นจะมีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและการเกิดสนิมได้ดีกว่า
- ชั้นวางของไม้: ไม้แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่ต่างกันไม้เนื้อแข็งจะมีความแข็งแรงและทนทานกว่าไม้เนื้ออ่อนส่วนไม้อัดหรือไม้ MDFจะมีราคาถูกกว่าแต่ก็แข็งแรงน้อยกว่าและไม่ทนทานต่อความชื้น
2.งบประมาณ
- ชั้นวางของเหล็ก: มีราคาหลากหลายตั้งแต่รุ่นพื้นฐานที่ราคาไม่แพงไปจนถึงรุ่นดีไซน์พิเศษที่มีราคาสูง
- ชั้นวางของไม้: ราคาขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ไม้จริงจะมีราคาสูงกว่าไม้อัดหรือไม้MDFอย่างมากหากคุณมีงบจำกัดไม้อัดอาจเป็นทางเลือกที่ดี
3.การประกอบและการติดตั้ง
- ชั้นวางของเหล็ก: ส่วนใหญ่เป็นแบบน็อคดาวน์ที่สามารถถอดประกอบได้ง่ายแต่ด้วยน้ำหนักที่มากอาจต้องใช้คนช่วยในการประกอบและเคลื่อนย้าย
- ชั้นวางของไม้: การประกอบขึ้นอยู่กับดีไซน์บางรุ่นอาจติดตั้งง่ายกว่าแต่บางรุ่นก็อาจต้องใช้เครื่องมือและทักษะเพิ่มเติม
ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางของเหล็กหรือไม้สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกที่ตอบสนองความต้องการของคุณมากที่สุดทั้งในด้านการใช้งานและสไตล์การตกแต่งบ้านเพื่อให้ชั้นวางของของคุณเป็นมากกว่าเฟอร์นิเจอร์แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บ้านของคุณสมบูรณ์แบบ